เซตที่เท่ากัน
เซต A เท่ากับ เซต B ก็ต่อเมื่อ A และ B มีสมาชิกเหมือนกัน หมายความว่าสมาชิกทุกตัวของเซต A เป็นสมาชิกของเซต B และ สมาชิกทุกตัวของเซต B ก็เป็นสมาชิกของเซต A
ตัวอย่าง A = B
A เป็นเซตของพยัญชนะ {ก,บ,พ,ท,ด}
B เป็นเซตของพยัญชนะ {ด,พ,บ,ท,ก}
จากเซตพยัญชนะด้านบนสรุปได้ว่า A = B
ตัวอย่าง
C = {1,2,2,3,5}
D = {1,2,3,5}
จากเซตด้านบนสรุปได้ว่า C = D
สับเซต
A ⊂ B ก็ต่อเมื่อสมาชิกทุกตัวของ A เป็นสมาชิกของ B
** เมื่อ A เป็นเซตใด ๆ Ø ⊂ A
เมื่อ A เป็นเซตจำกัดจำนวนสับเซตของ A จะเท่ากับ 2k เมื่อ n(A) = k
ตัวอย่างสับเซต
A = {2,4,6,8}
B = {1,2,3,4,5,6,7,8}
จากตัวอย่างจะเห็นว่าสมาชิกทุกตัวของเซต A เป็นสมาชิกของเซต B ดังนั้น A เป็นสับเซตของ B เขียนได้ว่า (A ⊂ B) แต่ B ไม่เป็นสับเซตของ A เขียนได้ว่า (B ⊄ A) เพราะสมาชิกทุกตัวของ B ไม่ได้เป็นสมาชิกของ A
สับเซตแท้
A เป็นสับเซตแท้ของ B ก็ต่อเมื่อ A ⊂ B และ A ≠ B
ตัวอย่าง
A = {2,4,6,8}
B = {1,2,3,4,5,6,7,8}
จากตัวอย่าง A เป็นสับเซตแท้ของ B เพราะสมาชิกทุกตัวของ A อยู่ใน B และ A ≠ B
ตัวอย่าง สับเซตไม่แท้ เขียนแทนด้วย ⊆
A = {2,4,6,8}
B = {6,8,2,4}
จากตัวอย่าง A เป็นสับเซตไม่แท้ของ B เพราะว่า A = B
เพาเวอร์เซต
คือ เซตของสับเซตทั้งหมด จะเขียนได้ว่า P(A)
ตัวอย่าง
A = {2,4}
สูตรของสับเซตคือ 2n(A) หมายความ 2 ยกกำลังจำนวนสมาชิกของเซตนั้น จากตัวอย่างก็จะได้ 22 = 4 ดังนั้นจำนวนสับเซตของเซตนี้จะมีทั้งหมด 4 ตัว
สับเซตทั้งหมดของ A คือ {}, {2}, {4}, {2,4}
จะเขียนได้ว่า P(A) = { {}, {2}, {4}, {2,4} }
**เซตว่างเป็นสับเซตของทุกเซต
ยูเนียนของเซต
A U B = {x│x ϵ A หรือ x ϵ B}
เซต A ยูเนียนกับเซต B คือเซตประกอบด้วยสมาชิกของเซต A หรือของเซต B หรือของทั้งสองเซต เขียนแทนด้วย A U B
ตัวอย่าง
A = {1,2,2,3,5}
B = {3,5,7,8}
A U B = {1,2,3,5,7,8}
เป็นการสร้างเซตใหม่โดยที่นำสมาชิกของทั้ง 2 เซตมารวมกัน หากมีสมาชิกที่ซ้ำกันให้นำมาเขียนในเซตใหม่แค่ตัวเดียว
อินเตอร์เซกชันของเซต
A Ո B = {x│x ϵ A และ x ϵ B}
เซต A อินเตอร์เซกชัน เซต B คือเซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของ A และ B เขียนแทนด้วย A Ո B
ตัวอย่าง
A = {1,2,2,3,5}
B = {3,5,7,8}
A Ո B = {3,5}
คอมพลีเมนต์ของเซต
A – B = {x│x ϵ A และ x ∉ B}
A’ = U – A = {x│x ϵ U และ x ∉ A
ถ้าเซต A ใดๆ ในเอกภพสัมพัทธ์ U แล้วคอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของ U แต่ไม่เป็นสมาชิกของ A สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A’
ตัวอย่าง
U = {1,2,3,5,6,7,8}
A = {3,5,7,8}
A’ = {1,2,6}